ผู้ป่วยโรคตับควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรบ้าง

ผู้ป่วยโรคตับควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรบ้าง

 

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับนั้นควรที่จะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านลบของตนเองเสียใหม่ เพื่อที่จะได้เป็นการยืดอายุการใช้งานของตับให้มีอายุให้มากยิ่งขึ้น เพราะตับนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อร่างกายของคนเรา โดยนอกจากตับจะมีหน้าที่ในการขนส่งอาหารได้ส่วนต่างๆแล้ว ยังมีหน้าที่ในการขจัดของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ตับของเราเกิดภาวะการทำงานบกพร่อง ก็จะเกิดการะสะสมของเสียในร่างายของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งนั้นจะเป็นที่มาของอาการต่างๆที่จะแสดงออกมาให้เราได้เห็น เมื่อยามที่เป็นโรคตับในระยะท้ายๆแล้วนั่นเอง

ดังนั้นผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหรือรู้ตัวแล้วว่าตนเองเป็นผู้ป่วยโรคตับ จึงควรที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นไป วันนี้เรามาดูกันว่าผู้ป่วยโรคตับหรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรที่จะปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง

  1. ผู้ป่วยโรคตับควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มประเภทที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะเป็นตัวที่เข้าไปทำลายตับโดยตรง หากหลีกเลี่ยงได้จะเป็นผลดีต่อตับอย่างมาก
  2. ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการทานเสียใหม่ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ อาหารที่ชื้น เช่น พริกป่น ถั่วป่น เพราะเป็นแหล่งของสารอะฟลาท็อกซิน จะทำให้ตับของเราทำงานหนักเกินไป อาหารประเภทไขมันสูง โดยใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันจากสัตว์ , อาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น ไส้กรอก หมูยอ เพราะในอาหารมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและอาหารเหล่านี้จะทำให้ผู้ป่วยโรคตับเกิดอาการบวมขึ้นได้
  3. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ตับพลอยมีประสิทธิภาพมากตามไปด้วย แต่ไม่ควรที่จะหักโหมมากจนเกินไป ควรที่จะค่อยๆปรับเปลี่ยนแบบฝึกของการออกกำลังกายให้พอเหมาะกับสภาพร่างกายของตนเอง และเมื่อผ่านการออกกำลังกายไปได้สักระยะแล้วก็ควรที่จะค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นของการฝึกให้มากขึ้นทีละนิด เพื่อความแข็งแรงของร่างกายที่มากขึ้นนั่นเอง
  4. ควรที่จะเข้าไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ และอยากแพทย์ได้สั่งจ่ายยาให้ก็ควรที่จะทานยาตามที่แพทย์สั่งและไม่ควรที่จะหยุดยาเอง
  5. หากผู้ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบ ก็ควรที่จะเข้าไปพบแพทย์และเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อต้านไวรัส เพราะหากตับเกิดติดเชื้ออักเสบแบบเฉียบพลันทั้งจากไวรัสบีและซีแล้ว ก็จะมีโอกาสมากที่ตับจะหยุดการทำงานหรือเรียกว่าตับวายจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในที่สุด

ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับควรที่จะปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ เพื่อที่จะได้รู้วิธีการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ควรที่จะละเลยเด็ดขาด